ปัจจุบันเกษตรกรปลูกข้าวแบบเร่งรีบเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการใช้จ่ายในครอบครัวในการเพาะปลูกข้าวเกษตรกรจะเผาฝางทิ้งเพื่อสะดวกรวดเร็วซึ่งเป็นการทำลายวัสดุเหลือใช้และการเผาเป็นการกระตุ้นให้เมล็ดพันธุ์พืชงอกทำให้มีวัชพืชมากและสังเกตว่าในฤดูฝนซึ่งเกษตรกรจะหยุดพักการเพาะปลูกข้าวเพราะกลัวน้ำท่วม
เกษตรกรจะไม่เผาฝาง หลังจากน้ำลดแล้วจึงปลูกข้าว
ข้าวจะงามใช้ปุ๋ยและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชน้อย
จึงได้หันมาทำนาแบบไม่ไถพรวนโดยการหมักฝางเพื่อเป็นปุ๋ยอินทรีย์
ช่วยเพิ่มธาตุอาหารและปรับโครงสร้างให้ดินสมบูรณ์ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการงอกของเมล็ดวัชพืชได้ด้วย
ควบคู่กับการใช้น้ำหมักชีวภาพ เพื่อลดการใช้สารเคมี ขั้นตอนการทำนาแบบไม่ไถพรวน วิธีทำ 1. ปล่อยน้ำเข้านาพร้อมหยดน้ำหมักชีวภาพอัตรา
5 ลิตรต่อพื้นที่นา 1 ไร่ ไปกับน้ำตามปากทางน้ำเข้า ปล่อยน้ำสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตรหรือท่วมทั่วพื้นที่นา 2. นำรถไถติดลูกขลุบย่ำช้า
ๆ ทั่วนาเพื่อกดฟางให้จมน้ำทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน ย่ำซ้ำ 2-3 รอบหมักทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน ย่ำซ้ำแล้วชักร่องน้ำ
เตรียมหว่านเมล็ดข้าวได้ 3. คัดเมล็ดพันธุ์ข้าวอย่างดีเพื่อให้ได้เมล็ดที่สมบูรณ์
การเจริญของข้าวดีจะช่วยให้หล่อน้ำได้เร็ว และช่วยกำจัดวัชพืชให้น้อยลงได้ การใส่น้ำหมักชีวภาพ 1. ใช้ครั้งแรกเมื่อนำน้ำเข้าแปลงนาเพื่อหมักฟาง 2. ใส่ทุกครั้งที่นำน้ำเข้าแปลงนา
งบประมาณไร่ละ 30 บาท (ประมาณ 100 ลิตร) การทำฮอร์โมนข้าว
ฮอร์โมน้ำแม่
| ฮอร์โมนน้ำพ่อ
| - หน่อกล้วย หน่อไม้ อย่างละ 4 กก. - น้ำตาลทรายแดง 4 กก.
| - ฟักทอง มะละกอสุก กล้วยสุก อย่างละ 2 กก.
| - ผักบุ้ง พืชตระกูลถั่ว (ก้ามปู โสน) อย่างละ 2 กก | - น้ำตาลทรายแดง 3 กก | ระยะเวลาการหมัก 10 15 วัน | ระยะเวลาการหมัก 10 15 วัน |
น้ำผสมสูตร 1 น้ำแม่ 5 ส่วน น้ำพ่อ 1 ส่วน ฉีดข้าว 10
45 วัน น้ำผสมสูตร 2 น้ำแม่ 5 ส่วน น้ำพ่อ 5 ส่วน ฉีดข้าว
50 80 วัน น้ำผสมสูตร 3 น้ำแม่ 1 ส่วน น้ำพ่อ 10 ส่วน ฉีดข้าว
80 วัน จนถึงเก็บเกี่ยว
การปลูกข้าวแบบไม่ไถพรวนพร้อมใส่น้ำหมักชีวภาพ
สามารถย่อยฟางได้ดี ดินมีไส้เดือนจำนวนมาก แก้ปัญหาปุ๋ยเคมีสารเคมีราคาแพง
สามารถลดต้นทุนการผลิตได้
ลดความเสี่ยงต่อการขาดทุนและเป็นการเพิ่มทุนเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เศษวัสดุเหลือใช้ในแปลงนา เจ้าของผลงาน : นางศศิธร
สอดส่องที่อยู่/สถานที่ติดต่อ : บ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 2 ตำบลวังน้ำเย็น อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง
โทรศัพท์ 089-548-4480 แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมส่งเสริมการเกษตร
|